บัลเล่ต์ถือเป็นเบสิกพื้นฐานของการเต้นที่ได้รับการยอมรับมาตั้งแต่ในอดีต และถือเป็นแขนงการเต้นยอดนิยมในปัจจุบัน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจประวัติความเป็นมาของบัลเล่ต์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปได้กว่า 500 ปี โดยมีจุดเริ่มต้น ที่ประเทศอิตาลี
จุดเริ่มต้นของบัลเล่ต์
ย้อนหลังไป 500 ปีที่แล้วในยุค Renaissance (ศตวรรษที่ 15 และ 16) บัลเล่ต์ถือกำเนิดขึ้นที่อิตาลี ท่ามกลางงานเลี้ยงอันหรูหราตระการตาของเหล่าขุนนาง ที่นิยมใช้การเต้นรำเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง
การเดินทางของบัลเล่ต์มายังฝรั่งเศส
Catherine de Medici แห่งอิตาลีแต่งงานกับ Henry II ของฝรั่งเศส พร้อมกันนี้นำการเต้นบัลเลต์เข้ามายังพระราชสำนักของฝรั่งเศส การแสดงบัลเลต์ได้รับการยอมรับสุงสุดในช่วงยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 Louis XIV (The Sun King) แห่งฝรั่งเศส ผู้ซึ่งก่อตั้งโรงเรียนบัลเล่ต์ขึ้นที่แรกโดยตั้งชื่อว่า The Royal Academy of Dance ในปี 1661 ถือเป็นจุดกำเนิด 5 ท่าเบสิคเท้าพื้นฐานของบัลเล่ต์ ซึ่งถูกคิดค้นโดยนักออกแบบท่าเต้น Pierre Beauchamp
ในช่วงแรกจะมีเพียงนักแสดงชายที่แสดงทั้งบทตัวละครชายและหญิงด้วยการใส่หน้ากากและวิกผม จนมาช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ผู้หญิงเริ่มเข้ามามีบทบาทในการเต้นดังเช่นทุกวันนี้ โดยทั่วไปมักนำเสนอเรื่องราวของตำนานกรีกและโรมัน แสดงในห้องขนาดใหญ่สำหรับผู้ชมชั้นสูงในศาล เครื่องแต่งกายมีความประณีตและหนักมากทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้จำกัด
จากนั้น การเต้น Footwork ได้เริ่มปรากฎขึ้นและเป็นที่นิยมเมื่อ Marie Camargo ตัดกระโปรงของเธอให้สั้นลงเหนือข้อเท้า และสวมใส่ Flat shoes ในปี 1720
ในปลายศตวรรษที่ 17 นักออกแบบท่าเต้น Jean-Georges Noverre ได้ปฏิรูปวงการบัลเล่ต์ด้วยความเชื่อที่ว่าบัลเล่ต์ควรที่จะบอกเล่าเรื่องราวมากกว่าการเคลื่อนไหวที่ไร้ความหมาย จึงได้ตัดการร้องเพลงและการใส่หน้ากากออก พร้อมให้นักเต้นใช้ร่างกายสื่อสารประกอบกับการแสดงออกทางสีหน้า
ในศตวรรษที่ 18 บัลเล่ต์แพร่หลายจากศาลฝรั่งเศสไปยังส่วนอื่นๆของยุโรป รวมทั้งเดนมาร์กและรัสเซีย เรื่องราวเริ่มเล่าขานถึงเรื่องของคนธรรมดาและวีรบุรุษในตำนาน เครื่องแต่งกายและฉากก็เปลี่ยนไปเพื่อสะท้อนเนื้อเรื่อง นักบัลเล่ต์ใส่ชุดเดรสสไตล์กรีกทำให้เคลื่อนไหวอิสระมากขึ้น นำมาสู่การพัฒนาท่าเต้นที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ยุคเฟื่องฟูของโรแมนติกบัลเล่ต์
และก็มาถึงยุคเฟื่องฟูของโรแมนติกบัลเล่ต์ในศตวรรษที่ 19 ซึ่งบัลเล่ต์เริ่มเปรียบเสมือนการเล่านิทาน โดยมีเรื่อง La Sylphide 1832 ที่ถือเป็นผลงานบัลเล่ต์โรแมนติกเรื่องแรกที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม และยังมีเรื่อง Giselle 1840 ที่นักเต้นหญิงเริ่มได้รับความสำคัญพร้อมลดบทบาทของนักเต้นชาย
Swan Lake, The Nutcracker และ Sleeping Beauty
ยุคโรแมนติกเฟื่องฟูอยู่ประมาณ 20 ปีและได้รับความนิยมลดลงในฝรั่งเศสในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่กลับเป็นยุคที่บัลเล่ต์เฟื่องฟูในรัสเซีย เหล่านักเต้นต่างเดินทางไปยัง St Petersburg และ Moscow สถานที่อันเลื่องลือถึงโปรดักชั่นการผลิตที่ตระการตา ณ The Imperial Ballet Companies นักออกแบบท่าเต้น Petipa ได้ออกแบบผลงานบัลเล่ต์กว่า 60 เรื่อง โดยในแต่ละเรื่องจะประกอบการแสดงรูปแบบต่างๆเช่น การเต้นหมู่ หรือ Corps deballet (chorus), การเต้นเดี่ยว Brilliant variations (Solos) สำหรับนักเต้นนำ และการเต้นคู่ Pas de deux (duet)
ในช่วงเวลานี้ นักออกแบบท่าเต้น Petipa ได้ร่วมมือกันกับนักประพันธ์ชื่อดัง Tchaikovsky เป็นจุดกำเนิดบทประพันธ์และเพลงบัลเล่ต์ยอดนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ Swan Lake (1876), The Nutcracker (1892) และ Sleeping Beauty
บัลเล่ต์ที่รัสเซีย
ในปลายปีของศตวรรษ Petipa ได้รับความนิยมลดลง นำมาสู่การปฏิวัติครั้งใหม่ของวงการบัลเล่ต์ โดย Serge Diaghilev นักบัลเล่ต์ชาวรัสเซียและคณะเต้น The Ballet Ruses ซึ่งเดินทางไปยังกรุงปารีส และก่อตั้ง Russian Ballet ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยการออกแบบท่าเต้นที่สร้างสรรค์และเครื่องแต่งกายที่ประณีตและแปลกใหม่ นำเสนอในธีมนิทานพื้นบ้านรัสเซียที่น่าสนใจ บทประพันธ์บัลเล่ต์ที่โด่งดังอยู่ถึงปัจจุบัน เช่น Fokine’s Firebird, Les Sylphides, Petrushka: Nijinsky’s L’Après Midi d’un Faune; Massine’s The Three Cornered Hat; Balanchine’s The Prodigal Son
บัลเล่ต์ในปัจจุบัน
ในศตวรรษที่ 20 บัลเล่ต์แบบนีโอคลาสิกและร่วมสมัยแบบใหม่ ไม่เน้นฉากที่วิจิตรบรรจงและบรรเลงองค์ประกอบการแสดงแบบดั้งเดิมได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเต้นที่โชว์เทคนิค พร้อมกันนี้ ภาพยนตร์ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับบัลเล่ต์อาทิเช่น Center Stage, Billy Elliot และThe Black Swan ดึงให้การเต้นได้รับความนิยมมากกว่าที่เคยและเฟื่องฟูต่อไป
ทางโรงเรียน Sauté Dance Studio มีคลาสบัลเล่ต์และการเต้นแขนงต่างๆให้ท่านสามารถเลือกเรียนให้เหมาะกับตัวท่าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Line ID : @sautedance หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนหน้าเวปไซด์โรงเรียน
อ้างอิงข้อมูลจาก
- An Usborne Guide Ballet by Annabel Thomas
- The World of Ballet by Judy Tatchell
- Superbook Ballet by Catherine Dell
コメント